Wednesday 27 November 2013

ชีวิตหนึ่งทำได้แค่ครั้งเดียว [re-post]

นับเป็นเวลานานหลายเดือนแล้ว ที่ผมต้องเดินทางไปนู่นมานี่ และพบเจอญาติๆ อยู่บ่อยๆ พอเจอหน้ากัน ก็พากันคุยเรื่องสัพเพเหระไปเรื่อยๆ
อาเจ๊กของผมไม่รู้มาอารมณ์ไหน งัดเอาเรื่องการค้นพบสิ่งที่มีคุณค่า
ขนาดถูกยกย่องว่าเป็นของขวัญแก่มวลมนุษยขึ้นมาพูด
"อย่างการค้นพบเพนนิซิลินนี่นะ มันเป็นสิ่งที่บังเอิญเกิดอย่างถึงที่สุด
ถ้าตอนนั้น เฟลมมิง ไม่ได้สังเกตุเห็น หรือสังเกตุเห็นแล้วทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น มนุษย์เราจะไม่มีโอกาสได้พบเหตุการณ์แบบนั้นอีก หมายความว่าจะไม่มีสิ่งที่เรียกว่าเพนนิซิลินเลย"

ใน การ์ตูนเรื่องหนึ่ง ก็เขียนไว้ในทำนองเดียวกันว่า นางเอกนักวิจัยที่ค้นพบเชื้อจุลินทรีย์ใหม่ๆ  ไม่ได้หมายความว่านางเอกจะเก่งกว่าเพื่อน(คู่แข่ง?)แต่อย่างใด จริงๆ แล้วควรจะเรียกว่า ดวงดีมากกว่า
เพราะโอกาสที่จะพบเชื้ออย่างว่า มีน้อยมากๆ เหมือนกับการซื้อลอตเตอรี่ใบเดียวแล้วถูกรางวัลที่หนึ่งนั่น(พอนางเอกของเรา ได้ยินอย่างนั้น ก็หันไประดมทุนเพื่อซื้อลอตเตอรี่เป็นการใหญ่)

เมื่อ อ่านบทความด้านล่างนี้ ก็ยิ่งทำให้ผมคิดว่า ในชีวิตหนึ่งของเรา จะมีเรื่องที่สำคัญบางเรื่อง ที่บังเอิญให้โอกาสเราแค่ครั้งเดียวเท่านั้น และจะไม่บังเอิญเกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง

การค้นพบสำคัญทางวิทยาศาสตร์หลายการค้นพบ เกิดขึ้นอย่างบังเอิญ !
http://www.pantip.com/cafe/wahkor/article/chaiwat/cwt_bkkbz075.html

การค้นพบของนักวิจัยพื้นฐานเหมือน “เจ้าชายแห่งความบังเอิญ”
(ชื่อหัวข้อไม่ใช่อันนี้หรอก)
http://www.trf.or.th/News/Content.asp?Art_ID=75

ดัง นั้นความพร้อมจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะเราอาจจะพบเจอเรื่องที่ไม่คาดคิด หรือทำอะไรอย่างหนึ่งได้อย่างไม่คาดฝัน หากไม่ได้เตรียมตัวไว้ ก็จะเกิดอาการใบ้กิน ไม่รู้จะอธิบายว่าอย่างไร เสมือนกับได้ค้นพบ แต่คว้าไว้ไม่ได้ แล้วมันก็หลุดมือไปอย่างน่าเสียดาย

ผมเองไม่ได้บังเอิญค้นพบความลับจักรวาลอะไร แต่เมื่อคิดย้อนกลับไปแล้ว
ก็เคยมีเรื่องที่บังเอิญทำได้ และเป็นแค่ครั้งเดียวในชีวิต กับเขาเหมือนกัน
เช่นการเล่นลูกบิด (Rubik's Cube)

ผมมีรูบิค ของเก่าแก่ ซึ่งตกทอดมาจากเตี่ย (ส่วนเตี่ยผมก็ได้มันมา ในฐานะของที่ระลึกจากสโมสรโรตารี่อะไรสักอย่างอีกที)
สมัยผมยังเป็นเด็กประถม เตี่ยจะวางมันไว้หัวเตียง แล้วก็บิดเล่นก่อนนอนทุกวัน
ผมเห็นแล้วก็เกิดมานะ เลยยึด(?!)มาเป็นของตัวเอง พอเล่นไปสักพักก็เริ่มรู้ตัวว่าทำไม่ได้
เคยถามเตี่ยว่า ทำอย่างไรถึงจะเรียงสีได้ครบทุกหน้า
เตี่ยผมตอบว่า "ไม่รู้สิ ไม่เคยทำได้เหมือนกัน"

ด้วยความที่อยากเอาชนะ แต่ไม่มีปัญญา ผมเลยคิดใช้วิธีลัด แกะสติ๊กเกอร์สีออก แล้วเอามาแปะใหม่ทั้งหมด
แต่เพราะสติ๊กเกอร์แกะยาก ติดยาก บางแผ่นแกะออกมาแล้วเกิดขาด จะไปหาซื้อสติ๊กเกอร์ใหม่ ก็หาสีได้ไม่ครบ
รูบิคลูกนั้นจึงหายสาบส่งไปอย่างไร้ร่องรอยด้วยประการนี้

ต่อ มาเมื่อผมขึ้นชั้นมัธยม มีความคิดว่า น่าจะหาหนทางบิด รูบิค ได้สำเร็จ จึงไปซื้อลูกใหม่มาเล่นอีก แต่จนแล้วจนรอด ก็ไม่สามารถ จึงได้แต่ปล่อยทิ้งไว้เฉยๆ
น้องผมมาเห็นลูกบิดที่วางทิ้งไว้ ก็ขอเอาไปเล่นบ้าง
มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันก็คือ พอผมพบลูกบิดนี้อีกที มันก็มีสภาพเหมือนรูบิคของเตี่ยผมเปี๊ยบ



พออยู่มหาวิทยาลัย  ผมก็ยังไม่เข็ด พยายามหามาเล่นอีกจนได้
ด้วยความหวังว่าการศึกษาที่สูงขึ้น จะช่วยให้เล่นรูบิคได้สำเร็จ
คราวนี้ผมพยายามวาง pattern ตามวิธีการที่พอจะคิดได้
ก่อนจะมาหมดปัญญาไปต่อในตอนสุดท้าย

เมื่อคิดหาวิธีทุกวี่วันจนย่างเข้าเดือนที่สาม ผมก็หมดสิ้นหนทางอย่างสิ้นเชิง
จึงได้แต่บิดกลับไปกลับมา พร้อมกับความรู้สึกว่าการศึกษาไม่ได้ช่วยอะไร ...
สักพักหนึ่ง แถบสีของรูบิคก็เรียงกันอย่างเป็นระเบียบ โดยที่ผมไม่รู้ตัว


ตอนที่ผมบิดอีกแกร๊ก แล้วเจ้าลูกบิดก็เรียงสีได้ครบทุกหน้า
มันเป็นช่วงเวลาที่น่าอัศจรรย์เหลือเกิน
"ทำไปได้ไงฟระ" ผมถามตัวเองด้วยคำถามนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก
ไม่ได้ถามด้วยความรู้สึกที่ว่า "ไม่เชื่อว่าตัวเองทำได้"
แต่ถามด้วยความรู้สึกที่เสียดายไอ่ตอนบิดแกร๊กๆ แบบไร้จุดหมาย
ผมมาถูกทางแล้ว และก็ดันจำวิธีบิดตอนสุดท้ายไม่ได้
กลายเป็นว่าหลังจากนั้น ผมไม่สามารถบิดให้เรียงสีได้ครบทุกหน้าอีกเลย
.
..
...
....
.....
......

ที่จริงผมโกหก ทุกวันนี้ผมสามารถเล่นลูกบิดได้ ด้วยการแอบอ่านเฉลย
ผมอาจจะไม่ได้ภูมิใจกับการบิดรูบิคสำเร็จด้วยตัวเอง
แต่ก็ยังภูมิใจในสิ่งที่พัฒนาไป คือสามารถหาวิธีโกงได้เนียนขึ้น
ผมไม่ต้องโกงซึ่งหน้าด้วยการแกะสติ๊กเกอร์ หรือเขวี้ยงลูกบิดให้แตกเป็นเสี่ยงๆ แล้ว



และก็ยังทำให้ผมได้คิดเพิ่มอีกข้อคือ ...
ควรค้นหาว่าเคยมีใครทำในสิ่งที่เรากำลังทำอยู่หรือไม่
ถึงมันจะเป็นสิ่งที่ปรากฎขึ้นเพียงแค่ครั้งเดียวในชีวิตของเรา
แต่มันอาจจะเป็นสิ่งที่คนเมื่อร้อยกว่าปีก่อน จัดทำเป็นรายงานไว้ให้อย่างสมบูรณ์อยู่ก่อนแล้วก็ได้

No comments:

Post a Comment